วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การเรียน กีฬา และความรัก [ตามคำเรียกร้อง]

มีคนเรียกร้องให้เรามาเขียน ก็เลยจัดให้ (ผนวกกับว่ามันร้างโคตรๆ แล้วเรื่องที่อยากจะบ่นก็เยอะแยะ) เริ่มตรงไหนก่อนดีหละ เอาแบบเล่าไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน คงเขียนง่ายดีมั้ง แต่อ่านเข้าใจรึเปล่าก็ไม่รู้

ขอแบ่งเป็นส่วนๆ ละกันเลียนแบบ Pe3z

การเรียน
ตอนนี้ก็อยู่ ม.๖ แล้ว เป็นจุดเลี้ยวของชีวิตคือต้องเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ถ้าอยากเท่ห์หน่อย ก็ต้องเข้าสถาบันดังๆ ซึ่งตัวผมเองค่อนข้างจะ strict เรื่องนี้นะ (แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เอาคณะในฝันไว้ก่อน) ปีนี้ก็เลยคิดว่าคงต้องหนักหน่อยหละนะเรื่องเรียน ชิวมา ๒ ปีแล้ว ปีนี้อดทนดูซักตั้งจะเป็นอะไรไป ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี คงอาจเพราะมีแรงกดดันจากภายนอกเยอะมากๆ ก็เลยผ่านมาได้
ตอนนั้นผมยังทำเลขของ ม.๖ ไม่ได้เลย ประมาณว่าไม่มีอะไรอยู่ในหัว แต่เพื่อนเค้าเรียนกันมาหมดแล้ว ก็เลยคิดว่าเอาวะ กูก็ต้องทำให้ได้ ตามเพื่อนให้ทัน เลยเริ่มอ่านเองครับแล้วก็ทำโจทย์ในที่สุดก็ตามเพื่อนทันจนได้
แต่พอผ่านมาช่วงหลังๆ ก็เริ่มเหลวเป๋ว เริ่มคิดว่าตัวเองชิวมากขึ้น ก็เลยมีบางช่วงที่การทำโจทย์ การอ่านหนังสือมันขาดไป ทำให้ไม่สามารถจบเนื้อหา ม.๖ ได้ในเวลาที่ตั้งไว้ และการสอบที่สมัครไว้ก็ใกล้เข้ามาทุกทีจนเหลือเวลา ๑ เดือน (การสอบที่ว่านี้คือ แพทย์ มข. คนสอบเป็นหมื่นๆ แต่ตูไม่ทำห่าอะไรเลย) ท้ายที่สุดแล้วผมก็ต้องใช้ไม้ตายแบบหมาจนตรอกคือแบ่งอ่านเป็นอาทิตย์ละวิชา จบไม่จบช่างมัน แต่ขอให้ในอาทิตย์นั้นอ่านวิชานั้นๆ ให้เต็มที่ไปเลย ผลที่ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะหลายวิชาก็ไม่จบ วิชาที่จบก็ยังทำโจทย์ได้ไม่มากพอ (ยังไม่คล่องขั้นเทพนั่นเอง) พอไปสอบ ผลสอบก็คือไม่ติดครับ คะแนนก็ไม่สวยเท่าไหร่ จะมีเยอะโดดเด่นขึ้นมาหน่อยก็คือภาษาอังกฤษที่ยังใช้บุญเก่าทำได้อยู่ (คะแนนอังกฤษยังถือว่าน้อยมากอยู่ ถ้าเอาไปเทียบกับคนที่เค้าสอบติด) แต่การสอบไม่ติดมันก็ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจผมไปมากนัก อย่างน้อยผมก็ไม่มัวมาคิดว่ามีคนเทพกว่าเราอยู่กี่คน คนนี้เทพหวะ เราคงเทพเท่าเค้าไม่ได้ ผมกลับมองว่าในเมื่อมันมีเทพ เราก็น่าฟิตแล้วก็รีบๆ เทพซะทีถ้าอยากจะไปตามฝัน อาจจะพูดแบบเข้าข้างตัวเอง แบบโลกสวยๆ ได้ว่าการที่ผมสอบแพทย์ มข. ไม่ติดมันทำให้ผมแกร่งขึ้นมาอีกนิดหน่อย ผมเริ่มจริงจังกับการทำโจทย์มากขึ้น เริ่มอุดรอยโหว่ตัวเองตรงส่วนที่รู้ว่ายังอ่อนอยู่ ที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นวิชาเคมีที่อย่างน้อยก็พออุดพื้นฐานไปได้บ้าง เพราะจากคะแนนสอบ CU-SCI ที่คะแนนพุ่งถึง ๙๐/๑๐๐ ก็คงบอกอะไรตัวเราเองได้บ้าง คะแนนสอบครั้งนี้เกือบทำให้ผมทะนงตัวไปแล้ว แต่ก็โชคดีนะ ที่ได้ลองทำโจทย์ PAT2 ดูก่อนทำให้รู้ว่าเคมีคือส่วนที่เราทำไม่ได้เยอะที่สุดแล้ว จึงเป็นเหตุให้ต้องฟิตต่อไป เพื่อคะแนนที่สวยงาม จิตของผมมุ่งมั่นกับการสอบ GAT/PAT รอบตุลามาก เพราะมันเหมือนกับการตัดสินชะตาชีวิตว่าจะได้เรียนหมอ ฬ รึเปล่า ช่วงก่อนวันสอบจะมาถึงผมทำโจทย์ทุกวัน จนแทบจะบ้าคลั่งกับข้อสอบ ๑๐๐ กว่าข้อ เพียงอาทิตย์เดียวผมก็ทำข้อสอบไปแล้วกว่า ๕๐๐ ข้อ (ทำได้จริงๆ ทั้งหมดไม่ถึง ๗๐%) ซึ่งมันบอกอะไรผมได้หลายอย่างมาก ผมพิจารณาคะแนนเฉลี่ยตัวเอง (ซึ่งค่า max ที่ ๒๐๐+ min ที่ ๑๖๐+ สำหรับคะแนนเต็ม ๓๐๐) พิจารณาข้อที่เราทำไม่ได้ ทำให้ผมสามารถหาจุดอ่อนของตัวเองได้ แล้วก็อุดมันได้ไวขึ้น แต่มันก็เยอะเหลือเกิน จนตอนนี้ก็ยังอุดไม่หมดซะที หลังจากที่ผมฟิตทำโจทย์อยู่ทั้งอาทิตย์ (บ้าขนาดเอาไปนั่งทำตอนเรียน รด.) จู่ๆ การสอบก็เลื่อนไป เพราะว่าเกิดน้ำท่วม เลื่อนออกไปไกลซะด้วย ทำให้ผมเสียดายเล็กน้อยที่การตัดสินชะตาครั้งนี้ยังไม่จบลงไปเสียที แต่ในความเสียดายนั้นก็มีความรู้สึกดีๆ อยู่บ้างคือเราได้เตรียมตัวมากขึ้น มีโอกาสได้คะแนนสูงขึ้นกว่านี้ เมื่อการสอบเลื่อนออกไป ผมจงเริ่มวางแผนให้ตัวเองใหม่อีกครั้งหนึ่ง จากที่วางแผนว่าจะทำโจทย์แบบ mix ก็เปลี่ยนไปทำเฉพาะเรื่องก่อน ง่ายๆ คือกลับมาอุดรอยรั่วของตัวเองอีกครั้งหนึ่งนั่นแหละ ซึ่งตอนนี้ก็พยายามทำอยู่ พูดถึงเรื่องสอบซะเยอะ พูดเรื่องอื่นเกี่ยวกับการเรียนของผมบ้างดีกว่า ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปสอบสัมภาษณ์ในคณะวิศวะของฬมาด้วย เป็นโควตาของเด็กโอลิมปิก คือไม่มีสอบ ขอแค่คุณได้รับคัดเลือกให้ไปเข้าค่าย สสวท. ก็สมัครได้แล้วก็มาสัมภาษณ์ สำหรับตัวผมเองเลือกสาขาเคมีเป็นอันดับหนึ่งทั้งๆ ที่ตัวเองได้เหรียญคอมพิวเตอร์มา ตอนไปสัมภาษณ์ก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี ทีแรกคิดว่าจะไม่ได้สาขาที่เลือกไปแล้ว เสือกฟลุ๊คซะงั้นมีชื่ออยู่ในสาขาเคมี ตอนนี้ถ้าผมแค่ไปรายงานตัวก็จะได้เข้าไปเป็นนิสิตฬเต็มตัว อะไรๆ ดูเหมือนจะดีไปหมดสำหรับชีวิตผม แต่มันก็ยังไม่ถึงฝันที่ผมวาดไว้ ความฝันที่ผมสร้างขึ้นยังคงไม่เป็นความจริง คงต้องใช้เวลาบ่มเพาะอีกยาวนาน
(ปล. วันนี้เกรดพึ่งออก ได้ ๔.๐๐ แฮะ ๘๐ เป๊ะ ๒ วิชา ฟลุ๊คสุดๆ ขอบอก)
จบพาร์ทการเรียนแบบงงๆ


กีฬา
สำหรับในปี ม.๖ นี้บอกตรงๆ ว่าผมแทบไม่ได้แตะกีฬาเลย จะมีเล่นก็แค่ช่วงตอนเรียนพละเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอแบบขั้นสุด เล่นบาสเกตบอลแค่ ๕ นาทีก็รู้สึกหอบแดกแล้ว ถึงทักษะบางอย่างจะยังอยู่ แต่แรงมันก็ไม่มีเหมือนก่อนแล้วจะอะไรก็ลำบาก ซึ่งผมก็มีเหตุผลนะที่ไม่ค่อยได้เล่นกีฬา หลายคนอาจจะมองมันเป็นข้ออ้างก็ไม่เป็นไร แต่มันก็คือความคิดโลกสวยอย่างหนึ่งของผมแหละ เหตุผลที่ว่าคือผมอยากจะประหยัดพลังงานให้มากที่สุดในวันหนึ่งๆ ทุกวันนี้ผมนอนน้อยมากๆ ถึงมากที่สุด เฉลี่ยแล้วหนึ่งอาทิตย์ไม่เคยเกิน ๔ ชั่วโมง ซึ่งหลายคนคงทราบดีว่าเวลานอนน้อยๆ นั้นจะเหนื่อยง่ายแค่ไหน ยิ่งวันไหนไม่ได้กินข้าวเช้า แค่เดินเปลี่ยนคาบเรียนก็แทบจะเป็นลมแล้ว จะเอาแรงที่ไหนไปเล่นกีฬา กลับบ้านมาก็ต้องทำโจทย์ไม่ก็อ่านหนังสือ ถ้าขืนเอาแรงไปเสียอีก กลับบ้านมาคงได้นอนสลบอย่างเดียวแหงๆ



ความรัก
ส่วนนี้อาจเป็นส่วนที่รันทดที่สุดในชีวิตของผม เป็นส่วนที่มักจะทำให้ผมทุกข์ใจได้เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีเหตุผลก็ดี เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลก็ดี เอาเป็นว่ามันค่อนข้างแย่ๆ มากๆ สำหรับชีวิตผมด้านนี้ ถ้าเขียนสถิติของผมเรื่องความรักออกมา เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จก็จะเป็น ๐.๐๐% เพราะงั้นผมไม่ขอพูดในส่วนนี้มากนัก เพราะถ้าให้สาธยายมันจะยาวมากตั้งแต่เมื่อหลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ยาวกว่าไอ้เรื่องการเรียนเมื่อกี้อีกหลายเท่า เรียกว่าแทบจะเป็นนิยายได้เลย

ชีวิตด้านนี้ของผมพูดสั้นๆ ได้ว่า "ถ้าผมจีบผู้หญิงทั้งโรงเรียนแล้วลงเอยแบบเดียวกันหมด ไม่ว่าผมจะมองทางไหนก็จะเจอแต่คนที่ผมชอบอยู่กับแฟนเค้าที่ไม่ใช่ผม"

ทิ้งท้าย: ชีวิตผมแม่งมีแต่เรื่องเรียนหวะ, อ่านยากแฮะคราวนี้, เรียงเรื่องกากอีกแล้ว

 
 
Theme by Diovo.com (Edited by Zenn)